สลักพระ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งแรกของไทย ทุ่งกว้างใหญ่ อยู่ในเชิงเขาล้อมรอบอุดมสมบูรณ์ไปด้วยหญ้าและต้นไม้ที่ออกผล เป็นอาหารของสัตว์ป่าอยู่มากมาย
จากเรื่องเล่าแต่กาลก่อน ว่าด้วยการบุกป่าฝ่าดงของพรานไพรใจฉกาจมากมายหลายบันทึก มักมี ‘ทุ่งสลักพระ’ เป็นฉากหลังของท้องเรื่อง หมายเหตุจากอดีตร่ำลือว่า “ป่าสลักพระเป็นทุ่งกว้างใหญ่ อยู่ในเชิงเขาล้อมรอบอุดมสมบูรณ์ไปด้วยหญ้าและต้นไม้ที่ออกผล เป็นอาหารของสัตว์ป่าอยู่มากมาย...
.
“ยังมีโป่งดินเค็ม อาหารโปรดปรานของสัตว์ป่ามากกว่า 100 โป่ง มีลำห้วยที่สำคัญอย่างห้วยสะด่องหรือห้วยสลักพระน้ำท่าอุดมสมบูรณ์ ทั้งยังมีอาณาเขตต่อกับทุ่งนามอญ ทุ่งหญ้ากว้างอีกแห่งหนึ่งที่สัตว์ป่าย้ายถิ่นไปมาหาสู่กัน...”
.
ความอุดมสมบูรณ์ในอดีต กับวันที่ประเทศไทยยังไม่รู้จักคำว่า ‘อนุรักษ์’ แดนสุขาวดีของสัตว์ป่าจึงเป็นดั่งขุมทรัพย์ของพรานป่า ทั้งที่ยึดเป็นอาชีพและเหล่ามือสมัครเล่นที่ริลองตามหาความท้าทายของชีวิต สรรพชีวิตมากมายถูกพรากลมหายใจ จากที่มีมากก็ลดน้อยถอยลง แต่เป็นโชคดีที่เรากลับตัวทัน และได้เกิดการผลักดันให้รัฐบาลมีนโยบายและกฎหมายคุ้มครองทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าออกมา
.
หนึ่งในรายละเอียดตรงนั้น คือ “การประกาศเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า” เพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าโดยปลอดภัย เพื่อว่าสัตว์ป่าในพื้นที่ดังกล่าวจะได้มีโอกาสสืบพันธุ์และขยายพันธุ์ตามธรรมชาติได้มากขึ้น ทำให้สัตว์ป่าบางส่วนได้มีโอกาสกระจายจำนวนออกไปในท้องที่แหล่งอื่นๆ ที่อยู่ใกล้เคียงกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า แน่นอนว่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแห่งแรกของประเทศไทย ย่อมจะเป็นที่ใดไปมิได้ หากไม่ใช่สถานที่ต้นเรื่องอย่าง เขตรักษาพันธุ์สัตว์สลักพระ - ประกาศในปี พ.ศ. 2503
ในราชกฤษฎีกา กำหนดบริเวณที่ดินป่าสลักพระให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ระบุว่า เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากป่าสลักพระ ในท้องที่ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ ตำบลหนองรี ตำบลบ่อพลอย อำเภอบ่อพลอย และตำบลช่อสะเดา ตำบลวังด้ง อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรี มีเนื้อที่ประมาณ 963.20 ตารางกิโลเมตร มีสภาพภูมิประเทศเหมาะสมที่จะกำหนดเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าโดยปลอดภัย เพื่อรักษาไว้ซึ่งพันธุ์สัตว์ป่า ซึ่งเป็นทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่ายิ่งของประเทศชนิดหนึ่ง ที่อำนวยประโยชน์ในทางเศรษฐกิจวิทยาการ และรักษาความงาม ตลอดจนคุณค่าคุณค่าตามธรรมชาติไว้ ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมแก่รัฐและประชาชน จึงสมควรตราพระราชฎีกาเพื่อกำหนดบริเวณที่ดินป่าดังกล่าว ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 สืบไป
และนี่ถือเป็นเริ่มต้นงานอนุรักษ์สัตว์ป่า ที่ต่อมาได้ประกาศเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเพิ่มเติมอีกหลายแห่ง สำหรับป่าสลักพระแม้เรื่องราวแต่หนก่อนจะถูกเล่าต่อกันมาว่า ‘เคยมี’ สัตว์ป่ามากมายทั่วพงพี
ทว่าด้วยบทบาทของการเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ได้สัตว์ป่าที่เหลืออยู่จึงได้รับการคุ้มครอง ผ่านการจัดการและป้องปรามที่เข้มข้นเป็นลำดับ มีการลาดตระเวนเป็นประจำทุกเดือน สลักพระในปัจจุบัน ยังเป็นที่อยู่อาศัยของช้างป่าฝูงใหญ่ เป็นบ้านที่ หมี กระทิง กวาง เก้ง หมูป่า หมาป่า ชะมด ลิง เม่น ชะนี กระรอก ฯลฯ อาศัยอยู่ได้อย่างสบายใจ เช่นเดียวกับเหล่าสัตว์เลื้อยคลานและนกอีกนับ 100 ชนิด
เสือโคร่ง สัตว์ผู้ล่าที่อยู่จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร แม้มีไม่มากเท่าห้วยขาแข้งหรือทุ่งใหญ่นเรศวร แต่ก็ยังสามารถจับภาพได้จากกล้องดักถ่ายภาพ (Camera trap) เช่นเดียวกับเสือชนิดเสือดาว (เสือดำ) เสือไฟ เสือลายเมฆ
รวมถึงสัตว์ผู้ล่าอื่น ๆ อย่าง หมาใน หมาจิ้งจอก แมวดาว ก็ยังผมเห็นได้ในผืนป่าอนุรักษ์แห่งนี้ และตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ยังมีโครงการฟื้นฟูประชากรวัวแดง และการปล่อยวัวแดงคืนสู่ธรรมชาติ ช่วยต่อลมหายใจให้สัตว์ป่าที่ใกล้สูญพันธุ์เพราะการล่าให้กลับไปเติมเต็มความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศอีกครั้ง
PHOTO : facebook เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ จังหวัดกาญจนบุรี
ข้อมูล: สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช