วันนี้ทางศูนย์ศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าเขาช่อง ก็มีสาระดีดี เกี่ยวกับพรรณไม้ในพื้นที่บริเวณศูนย์ฯ มาฝากกันอีกเช่นเคยนะค่ะ วันนี้ขอเสนอ ต้นหมากงาช้าง ซึ่งเป็นหนึ่งในพรรณไม้ที่อยู่ในสกุลปาล์ม เรามาทำความรู้จักกับต้นหมากงาช้างกันดีกว่าค่ะ
......................................................................................
หมากงาช้าง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Nenga Pumila (BL.) Wendl.
ชื่อวงศ์ : PALMAE
ชื่อสามัญ : หมากเขียว (นราธิวาส)
.......................................................................................
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
หมากงาช้างเป็นพืชพวกปาล์ม ขึ้นในป่าที่ลุ่มและป่าพรุ มีลำต้นสูงประมาณ ๓-๕ เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง ๕-๘ เซนติเมตร แตกหน่อเป็นกลุ่มใหญ่ ยอดเป็นลำแหลม หุ้มด้วยกาบใบสีเหลืองแกมเขียว ถึงสีบรอนซ์ ใบ ประกอบ รูปขนาดเรียงเวียนสลับ ยาว ๒๐๐-๓๐๐ เซนติเมตร กว้าง ๕๐-๑๐๐ เซนติเมตร มีใบย่อยมาก รูปเรียวแคบ เรียงสม่ำเสมอเป็นระเบียบ ดอกสีขาวถึงเหลืองนวล ออกเป็นช่อ แยงแขนง ๓-๔ แขนง ห้อยข้างลำ ต่ำกว่ากาบใบเล็กน้อย ช่อดอกยาว ๒๕-๓๐ เซนติเมตร มีกาบหุ้มช่อดอกรูปเรือ ๑ กาบ ผลแก่สีแดง รูปขอบขนานแกมรูปไข่กลับ ยาว ๒.๐-๒.๕ เซนติเมตร กว้างประมาณ ๑-๕ เซนติเมตร ลำต้นใช้ทำฝากระดานกระท่อมได้ดีมาก
แหล่งที่พบหมากงาช้าง : หมากงาช้างเป็นพืชที่ขึ้นได้ดีในป่าพรุและตามที่ลุ่ม พบมากในภาคใต้ของประเทศไทย โดยเฉพาะที่จังหวัดนราธิวาส มีมาก
ความสัมพันธ์กับชุมชน :
ประชาชนนิยมนำหมากงาช้างมาใช้ทำเครื่องยาสมุนไพรไทย เพราะหมากงาช้างมีสรรพคุณทางสมุนไพร คือ เนื้อในเคี้ยวพ่นแผลรักษาโรคเริม หรืองูสวัด สมานแผล รากของต้นหมากแดง ใช้ต้มรับประทานเป็นยาบำรุงธาตุและลำต้นของหมากแดงใช้ทำฝากระดานกระท่อมได้เป็นอย่างดี
ความสำคัญทางเศรษฐกิจ : หมากงาช้าง เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญอย่างหนึ่งของจังหวัดนราธิวาส ผลของหมากงาช้างสามารถจัดจำหน่ายสดได้และนอกจากนี้ ยังได้นำผลของหมากงาช้างมาใช้ในการรักษาโรคและต้นของหมากงาช้างสามารถจำหน่ายได้
..................................................................................
ขอบคุณแหล่งข้อมูลอ้างอิง : https://sites.google.com/site/raychuxphanthmi/hmak-ngachang