วนอุทยานเขานางพันธุรัต (Khao Nang Phanthurat Forest Park)

สถานที่ติดต่อ : วนอุทยานเขานางพันธุรัต ตั้งอยู่ที่ หมู่ 2 บ้านเขาไม้นวล ตำบลเขาใหญ่ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี

พิกัดที่ทำการฯ : 12.83926384 , 99.95362614

หัวหน้าวนอุทยาน : พัฒนพันธ์ เจือจันทร์

ตำแหน่ง : นักวิชาการป่าไม้ปฏิบัติการ

โทรศัพท์ : 086-761-3113

อีเมล : nangphanpark@gmail.com 

                  2,009 ไร่

 

                    ลานกางเต็นท์                                                ศาลนางพันธุรัต

    พิกัด 12.83959305 , 99.95260457                พิกัด 12.83908585 , 99.95284224

 

                   กระจกนางพันธุรัต                                            เมรุนางพันธุรัต 

    พิกัด 12.83908518 , 99.95302653               พิกัด 12.83916672 , 99.95298076

 

                      ลานเกือกแก้ว                                               บ่อชุบตัวพระสังข์

    พิกัด 12.83680196 , 99.94933215               พิกัด 12.83607234 , 99.95107094

 

                 จุดชมวิวคอกช้าง                                              จุดชมวิวทุ่งเศรษฐี

    พิกัด 12.83773771 , 99.94810092               พิกัด 12.83915759 , 99.95051123


ทางเดินศึกษาธรรมชาติ ⇔ ทางเดินป่า ⇔ เที่ยวถ้ำ/ศึกษาสถาพธรณี ⇔ ดูนก/ดูผีเสื้อ ⇔ จักรยาน/จักรยานเสือภูเขา                        ⇔  ตั้งแคมป์พักแรม 

ความเป็นมาของวนอุทยานเขานางพันธุรัต

          สืบเนื่องมาจากระหว่างช่วงเดือนมิถุนายน – สิงหาคม 2539 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จแปรพระราชฐานประทับแรม ณ พระราชวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2539 เวลา 16.00 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินโดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่งผ่านเทือกเขาเจ้าลายใหญ่ (เขานางพันธุรัต) ทรงมีพระราชดำรัส ถามถึงรายละเอียดการระเบิดหิน และพระองค์ท่านได้ทรงรับสั่งว่า “ใครเป็นเจ้าของการระเบิดภูเขาจะขอให้ยกเลิกการระเบิดหินได้ไหม อยากรักษาโกศนางพันธุรัตไว้”

          ในช่วงการเสด็จแปรพระราชฐานประทับแรมของทั้งสองพระองค์ ณ พระราชวังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระหว่างวันที่ 27 พฤษภาคม – 22 กรกฎาคม 2541 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงพระราชทานพระราชดำริแก่ พลโท นิพนธ์ ภารัญนิตย์ แม่ทัพภาคที่ 1 (ในขณะนั้น) ว่าให้อนุรักษ์สภาพภูมิประเทศบริเวณเขาเจ้าลายใหญ่ (เขานางพันธุรัต) เนื่องจากมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และให้ฟื้นฟูสภาพพื้นที่บริเวณที่มีการทรุดตัวของภูเขา โดยการปลูกต้นไม้เพื่อป้องกันการพังทลายในอนาคต

          ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2541 พลโท นิพนธ์ ภารัญนิตย์ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้เชิญนายสมเจตน์ นวาวัตน์ ป่าไม้เขตเพชรบุรี ไปหารือเพื่อวางแนวทางในการที่จะดำเนินการฟื้นฟูพื้นที่บริเวณเขาเจ้าลายใหญ่ (เขานางพันธุรัต) ที่เกิดการถล่มลงมาเมื่อปี พ.ศ. 2537 ด้วยสภาพของพื้นที่ที่เป็นปัญหาและอุปสรรคในการเข้าไปปฏิบัติงาน  เนื่องจากบริเวณภูเขาถล่มยังมีหินที่ผุกร่อนกระจายเรียงรายอยู่เป็นจำนวนมาก และพร้อมที่จะร่วงหล่นลงมาได้ตลอดเวลาอันจะเป็นอันตรายต่อผู้ที่เข้าไปดำเนินการฟื้นฟูป่าคณะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งสามฝ่ายประกอบด้วยแม่ทัพภาคที่ 1 ป่าไม้เขตเพชรบุรี และบริษัทชลประทานซีเมนต์ จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมกันกำหนดแผนการฟื้นฟูเขาเจ้าลายใหญ่ (เขานางพันธุรัต) บริเวณที่เกิดการถล่มตามแนวพระราชดำริของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยวิธีลำเลียงดินที่บรรจุใส่ถุงปูนซีเมนต์จำนวน 4,500 ถุง และเมล็ดพันธุ์ไม้ (กระถินยักษ์, สีเสียด, ขี้เหล็ก) จำนวน 235 กิโลกรัม เมล็ดพืชคลุมดิน (ถั่วไมยรา และถั่วฮามาด้า)  จำนวน 100 กิโลกรัม ที่ได้รับการผสมดินแล้ว โดยใช้เฮลิคอปเตอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากแม่ทัพภาคที่ 1 ลำเลียงไปทิ้งในพื้นที่เป้าหมาย ได้ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 10 – 12 กรกฎาคม 2541 จนแล้วเสร็จ

          ต่อมาเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2541 ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ และคณะได้มาตรวจราชการในท้องที่ป่าไม้เขตเพชรบุรีกรณีเขาเจ้าลายใหญ่ (เขานางพันธุรัต) ถล่มและได้มอบนโยบายให้ป่าไม้เขตเพชรบุรี ดำเนินการสำรวจพื้นที่บริเวณเขาเจ้าลายใหญ่ (เขานางพันธุรัต) เพื่อจัดตั้งเป็นวนอุทยานต่อไปโดยด่วน  เพื่อสนองพระราชดำริของพระองค์ท่าน ที่มีพระราชประสงค์ที่ทรงจะอนุรักษ์ป่าแห่งนี้เป็นมรดกของชาติและพัฒนารักษาเป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติและเป็นแหล่งท่องเที่ยวของประชาชนต่อไป

        ตามตำนาน ของชาวจังหวัดเพชรบุรี ได้ขนานนามเทือกเขานี้ว่า เขานางพันธุรัต เนื่องจากเป็นเทือกเขาที่สลับซับซ้อน เมื่อมองจากทะเลจะเห็นเขาลูกนี้คล้ายกับคนนอนทอดยาวใส่หมวกกุ้ยโล้ย หันหัวไปทางทิศใต้คล้ายกับรูปนางยักษ์นอนทอดยาว ซึ่งสอดคล้องกับตำนานทางวรรณคดีเรื่องพระสังข์ ตอนที่ 3 และ 4 ดังนี้ ท้าวภุชงค์ ซึ่งเป็นเจ้าเมืองบาดาล และเป็นผู้อยู่ในศีลธรรม ได้มาพบพระสังข์นอนสลบอยู่ ด้วยความเมตตาจึงอุ้มพระสังข์มายังเมืองบาดาล ดูแลพระสังข์จนฟื้น ต่อมาท้าวภุชงค์ บอกพระสังข์ว่าตนเองและพระชายาไม่สามารถเลี้ยงพระสังข์ได้นานเพราะตนมิได้เป็นมนุษย์ แต่จะหามารดาบุญธรรมให้ หลังจากนั้นท้าวภุชงค์ ก็ส่งตัวพระสังข์ลงเรือสำเภาทองพร้อมทั้งฝากสารไปถึงพระนางพันธุรัต ว่าได้ส่งพระสังข์มาให้เป็นบุตรบุญธรรมของนางพันธุรัต จึงได้แปลงกายเป็นมนุษย์ และให้พี่เลี้ยงแปลงกายเป็นมนุษย์ด้วยเช่นกัน พระสังข์ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี อยู่มาวันหนึ่งนางพันธุรัตเข้าป่าเพื่อออกไปหากิน พระสังข์จึงแอบเข้าไปในเขตหวงห้าม ได้พบบ่อทอง และชุดเจ้าเงาะ พระสังข์ลองเอามือจุ่มลงในบ่อทอง พบว่าทองได้ติดนิ้วพระสังข์เช็ดเท่าไรก็ไม่จาง พระสังข์จึงใช้ผ้าพันนิ้วไว้ นอกจากนี้พระสังข์ยังพบซากโครงกระดูกของสัตว์ที่ถูกกินทิ้งไว้มากมาย พระสังข์เสียใจที่นางพันธุรัตเป็นยักษ์และปิดบังตนเองมาตลอด จึงคิดทางหนีตลอดเวลา จนวันหนึ่งนางยักษ์ออกไปหาอาหาร พระสังข์แอบเข้าไปในเขต หวงห้ามอีกครั้ง และลงไปชุบตัวในบ่อทอง และขโมยของวิเศษ คือชุดเจ้าเงาะ จากนั้นจึงเหาะ หนีไป จนขึ้นเขาลูกหนึ่งซึ่งเป็นเขตแดนระหว่างมนุษย์และยักษ์ นางพันธุรัตตามมาทัน นางจึงขอร้องให้พระสังข์กลับไปอยู่กับนางแต่พระสังข์กลัวมาก นางพันธุรัตเห็นว่าพระสังข์ไม่ยอมกลับไปด้วยแน่ จึงสอนมนต์เรียกเนื้อและปลาให้แก่พระสังข์เพื่อป้องกันตัว สุดท้ายนางพันธุรัตจึงอกแตกตาย ชาวบ้านจึงเรียกเขาลูกนี้ว่า “เขานางพันธุรัต” สืบต่อมาจนกระทั่งทุกวันนี้

         เขาใหญ่หรือเขานางพันธุรัตตั้งอยู่ที่ตำบลเขาใหญ่ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ในอดีตเมื่อ ขับรถจากจังหวัดเพชรบุรีไปจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จะเห็นเทือกเขาทอดยาวอยู่ริมถนนเพชรเกษมคล้ายรูป นางยักษ์นอนตายก็จะทราบว่าใกล้ถึงอำเภอชะอำแล้ว นอกจากผู้ที่เดินเรืออยู่ในทะเล เมื่อเห็นเขานางพันธุรัต จะสังเกตเห็นแท่งหินใหญ่ซึ่งเรียกว่า “โกศนางพันธุรัต” ก็จะรู้ได้ทันที่ว่า จุดนี้คืออำเภอชะอำ ซึ่งเป็นจุดสังเกตมาหลายชั่วอายุคนแล้ว

         ต่อมาในวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2563 ได้มีประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำหนดบริเวณพื้นที่ในท้องที่ตำบลนายาง ตำบลชะอำ และตำบลเขาใหญ่ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ให้เป็นวนอุทยาน เนื้อที่ 2,009 ไร่ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 138 ตอนพิเศษ 3 ง หน้าที่ 8  วันที่ 5 มกราคม 2564

รถยนต์
         จากที่ว่าการอำเภอชะอำ สามารถเดินทางเข้าสู่วนอุทยานเขานางพันธุรัตได้ 2 เส้นทาง คือ
         1. เส้นทางถนนเพชรเกษม ผ่านวัดนิคมวชิรวาราม ผ่านถนนสายนิคม (เขื่อนเพชร)-บ้านหนองตาพด ถึงสู่วนอุทยานเขานางพันธุรัตระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร
         2. เส้นทางถนนสายเลียบทะเลชะอำ-หาดเจ้าสำราญ ผ่านสะพานคลองขุดของบริษัทชลประทานซีเมนต์ จำกัด (มหาชน) ผ่านถนนวัดหนองตาพดเชื่อมถนนสายนิคม (เขื่อนเพชร)-บ้านหนองตาพด ถึงสู่วนอุทยานเขานางพันธุรัตระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร