|
![]() ![]() |
อ่างเก็บน้ำซับป่าว่าน |
น้ำตกเจ็ดคดใหญ่ |
![]() ![]() |
![]() ![]() |
จุดชมวิวผานางอาย |
น้ำตกเจ็ดคดใต้ |
![]() ![]() |
![]() ![]() |
น้ำตกหินดาด |
น้ำตกเจ็ดคดเหนือ |
|
น้ำตกคลองผักหนาม |
1. บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติ AIS , TRUE
แบ่งออกเป็น 3 ฤดู ได้แก่ ฤดูร้อน ฤดูฝน ฤดูหนาว อุณหภูมิเฉลี่ยไม่ต่างกันมากนัก ประมาณ 34 องศาเซลเซียส และต่ำสุดประมาณ 22 องศาเซลเซียส
1) ฤดูร้อนจะเริ่มเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงเดือนพฤษภาคม อากาศร้อนสุดในเดือนเมษายน
2) ฤดูฝนจะเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนตุลาคม เกิดจากการได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่พัดผ่านอ่าวไทยเข้าสู่พื้นที่ภาคกลาง
3) ฤดูหนาวเริ่มตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม ถึงเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งได้รับอิทธิพลจากลมเย็นที่พัดมาจากทางตอนกลางของประเทศจีนมีอากาศค่อนข้างเย็นถึงหนาวเล็กน้อย
ในพื้นที่มีป่าหลากหลายประเภท อันเนื่องมาจากสภาพของพื้นที่ ความลาดชัน และปริมาณความชื้นของแต่ละพื้นที่ จึงสามารถพบป่าทั้งประเภทป่าผลัดใบ (Deciduous Forest) และป่าไม่ผลัดใบ (Evergreen Forest) พื้นที่บางส่วนเป็นแปลงปลูกป่า เพื่อการฟื้นฟูสภาพของพื้นที่ ซึ่งแบ่งเป็นป่าชนิดต่างๆ ได้ดังนี้
1) ป่าเบญจพรรณ (Mixed Deciduous Forest) จัดอยู่ในประเภทป่าผลัดใบมีลักษณะโครงสร้างเป็นป่าโปร่งประกอบด้วยต้นไม้ขนาดกลางเป็นส่วนมากพื้นป่าไม่รกทึบและมีไผ่ชนิดต่างๆขึ้นผสมในฤดูแล้ง ต้นไม้ส่วนใหญ่จะผลัดใบป่าชนิดนี้พบที่บริเวณทางตอนเหนือของพื้นที่พันธุ์ไม้ที่พบได้แก่ สมพง มะค่าโมง ตะแบกนา ชิงชัน ส้านหิ่ง กำจัดต้น ประดู่และเขลง เป็นต้น
2) ป่าดิบชื้น (Tropical Rain Forest) จัดอยู่ในประเภทป่าไม่ผลัดใบมีลักษณะโครงสร้างเป็นป่ารกทึบประกอบด้วยพันธุ์ไม้มากมายหลายชนิด ต้นไม้ชั้นบนส่วนใหญ่เป็นไม้วงศ์ยาง (Dipterocarpaceae) มีลำต้นสูง 30 - 40 เมตร ไม้พื้นล่างประกอบด้วนพันธุ์ไม้พวกปาล์มและหวาย ป่าชนิดนี้พบทางด้านตะวันออกของพื้นที่ในบริเวณหุบห้วย พันธุ์ไม้ที่พบได้แก่ ยางนา ยางแดง เคี่ยมคะนอง สะตอป่า ปออีเก้ง เลือดแรด และตะเคียนทอง ลำดวน เป็นต้น
3) ป่าดิบแล้ง (Dry Evergreen Forest) จัดอยู่ในประเภทป่าไม่ผลัดใบมีลักษณะโครงสร้างคล้าย
ป่าดิบชื้น แต่จะโปร่งกว่าบางครั้งมีชนิดพันธุ์ไม้ที่ผลัดใบขึ้นผสม ป่าชนิดนี้พบบริเวณด้านตะวันออกของพื้นที่ เป็นชนิดป่าที่พบมากที่สุด พันธุ์ไม้ที่พบได้แก่ ยางนา กระท้อนป่า สัตบรรณ กระบก คอแลน มะไฟ ข่อยหนาม กระเบากลัก กระหนานปลิง และตะแบกใหญ่ สำหรับไม้พื้นที่ล่างจะพบมากในวงศ์ขิงข่า(Zingiberaceae)
ที่มีคุณค่าทางสมุนไพรเช่น กระเจียว กระชาย เร่ว กระทือ เปราะ ฯลฯ จึงเป็นที่มาของชื่อ “ซับป่าว่าน”
ที่ชาวบ้านเรียกขานพื้นที่บริเวณศูนย์ฝึกอบรมที่ ๖ เจ็ดคด – โป่งก้อนเส้า
4) ป่าหญ้าและป่ารุ่นหรือป่าเหล่า (Savanna Forest) เป็นป่าที่เกิดซึ่งภายหลังจากป่าธรรมชาติ ถูกบุกรุกทำลายจนดินมีสภาพเสื่อมโทรม และมักเกิดไฟป่าในฤดูแล้ง ทำให้ต้นไม้ไม่สามารถขึ้นหรือเจริญเติบโตสู้กับไฟป่าได้ แต่ถ้าสามารถควบคุมไฟป่าได้ก็จะเริ่มมีพันธุ์ไม้เบิกนำที่ทนทานต่อไฟป่า เช่น ถ่อนและงิ้วป่า ขึ้นมาทดแทน ป่าชนิดนี้พบในบริเวณที่ไร่ร้างเก่าประโยชน์ ป่าชนิดนี้เป็นแหล่งอาหารของสัตว์ป่าหลายชนิด เช่น กวาง เก้ง กระทิง กระจง และกระต่ายป่า เป็นต้น