ข้อปฏิบัติในการเที่ยวถ้ำ

ข้อปฏิบัติในการเที่ยวถ้ำ
|
การเที่ยวถ้ำเป็นกิจกรรมอีกอย่างหนึ่งซึ่งสร้างความตื่นเต้นให้แก่ผู้ที่ได้เข้าไปสัมผัสอย่างมาก ความมืดและบรรยากาศอันสงบเงียบและวังเวงจะท้าทายความกล้าของนักเดินทางทุกคน โดยมีความงดงามที่ธรรมชาติได้บรรจงสร้างไว้ในถ้ำเป็นรางวัลไม่ว่าจะเป็น หินงอก หินย้อย เสาหิน ม่านน้ำตก และไข่มุกถ้ำ การเที่ยวถ้ำยังทำให้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับธรณีวิทยาและปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ทำให้เกิดรูปลักษณ์ต่างๆ ขึ้นในถ้ำ รวมทั้งยังมีประวัติศาสตร์ให้ค้นหาจากภาพเขียนสีและหลักฐานอื่นๆ ที่หลงเหลืออยู่ภายในถ้ำ
อุปกรณ์และการเตรียมตัว
-
เสื้อผ้าที่สวมใส่ต้องรัดกุม (เสื้อแขนยาวและกางเกงขายาว) และไม่อมน้ำ
-
ถุงมือ สนับเข่า และสนับแข้ง เนื่องจากภายในถ้ำส่วนใหญ่จะเป็นหินปูนที่แหลมคม โดยเฉพาะถ้ำที่มีการปีนป่าย ว่ายน้ำ
-
รองเท้าหุ้มส้นหรือหุ้มข้อที่ไม่อมน้ำ และมีดอกยางพอที่จะเกาะพื้นไม่ให้ลื่นล้มได้ง่ายๆ แต่ไม่ใช่รองเท้าแตะที่มีสายรัดสั้น
-
หมวกกันกระแทกหรือที่เรียกว่า “หมวกกันน็อก” พร้อมไฟฉายติดหมวกหรือจะใช้ไฟฉายคาดศีรษะแทนก็ได้ ที่สำคัญควรมีอะไหล่หลอดไฟฉายและถ่านไฟฉายสำรองติดตัวไปด้วย
-
ไฟฉายขนาดพอเหมาะที่ไม่ใหญ่หรือไม่เล็กจนเกินไปนัก และควรทำเป็นเชือกคล้องคอเพื่อสะดวกในการใช้งาน ทั้งนี้ควรมีคนละกระบอก และเหตุที่ต้องมีไฟฉายพกพานอกเหนือไปจากไฟฉายติดหมวกหรือไฟฉายคาดศีรษะก็เพื่อการใช้งานที่แตกต่างกันไป ซึ่งควรมีอะไหล่หลอดไฟและถ่านไฟฉายสำรองติดตัวไปด้วยเช่นกัน
-
เชือกที่มีความเหนียวแข็งแรงทนทานพอที่จะรับน้ำหนักได้อย่างน้อย 60 – 65 กิโลกรัม และยาวราว 20 – 30 เมตร
-
ชุดปฐมพยาบาล และเข็มทิศ
-
เทียนไข และไฟแช็ก ซึ่งหากไม่จำเป็นจริงๆ ก็ไม่ควรใช้ 2 สิ่งนี้ เพราะเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดมลภาวะเป็นพิษภายในถ้ำ รวมทั้งทำให้ออกซิเจนภายในถ้ำลดน้อยลง
-
อาหารสำเร็จรูปและน้ำ ควรมีติดตัวไว้เผื่อกรณีเกิดการหลงภายในถ้ำเท่านั้น แต่ไม่ใช่การนำอาหารไปกินภายในถ้ำ
-
เป้สะพายหลังขนาดพอเหมาะที่จะใส่อุปกรณ์ต่างๆ เพื่อความคล่องตัวขณะเดินทาง แล้วในถ้ำที่มีการลุยน้ำหรือว่ายน้ำควรเป็นเป้ที่กันน้ำได้
สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ถ้ำ
-
ห้ามแตะต้องกลุ่มหินต่างๆ ภายในถ้ำ เช่นหินงอก หินย้อย เพรามีไขมันที่เกิดจากเหงื่อของตัวเราจะทำปฏิกิริยากับหินเหล่านี้ จนทำให้มันหยุดการเจริญเติบโตหรือที่เรียกว่า “หินตาย” อนึ่งในท้องถิ่นบางแห่งมักเชื่อกันว่าการดื่มน้ำที่หยดมาจากปลายหินงอกหินย้อยเปรียบเสมือนเป็นน้ำทิพย์ ซึ่งจะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงปราศจากโรคภัยไข้เจ็บหรือทำให้โรคภัยไข้เจ็บที่เป็นอยู่หายเป็นปลิดทิ้ง แต่แท้ที่จริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ กลับกลายเป็นว่าการกระทำดังกล่าวยิ่งจะทำให้เป็นโรคได้ง่ายขึ้น
-
ห้ามตีหรือเคาะหินเพื่อทดสอบดูว่ามีเสียงคล้ายดนตรีหรือไม่ ซึ่งนอกจากจะเกิดผลกระทบตามข้างต้นแล้ว ยังทำให้เกิดการกร่อนหรือมีโอกาสในการพัวทลายได้ หากทุกคนที่เข้ามาเที่ยวถ้ำต่างๆ เคาะตามๆ กันในแต่ละวันแต่ละเดือนแต่ละปีจะถูกเคาะเป็นจำนวนมากขนาดไหน แล้วในที่สุดเพียงไม่กี่ปีก็จะพังทลายลงมา
-
ห้ามสูบบุหรี่ ก่อกองไฟ และจุดธูปเทียน เพราะจะทำให้ออกซิเจนซึ่งมีอยู่น้อยอยู่แล้วลดน้อยลงไป เนื่องจากเป็นการเพิ่มปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์มากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการรบกวนสัตว์ อีกทั้งควันเขม่าที่เกิดขึ้นจะไปจับเกาะเคลือบผนังถ้ำ ซึ่งทำให้ระบบนิเวศภายในถ้ำเสียหายได้
-
ห้ามนำอาหารใดๆ เข้าไปรับประทานภายในถ้ำ รวมทั้งห้ามทิ้งเศษขยะมูลฝอยใดๆ เพราะเศษอาหารและขยะที่ตกค้างอยู่ในถ้ำจะส่งกลิ่นเหม็นสร้างมลภาวะเป็นพิษภายในถ้ำได้
-
ห้ามส่งเสียงดังหรือกระทำการใดๆ ที่เป็นการรบกวนหรือก่อความรำคาญให้แก่สัตว์
-
ห้ามขีดเขียน ขูดลบ ขีดฆ่า ทาหรือพ่นสี หรือปิดประกาศโฆษณา
-
ห้ามเก็บหรือนำสิ่งใดๆ ออกมาจากถ้ำ
-
ห้ามกระทำการใดๆ ที่เปลี่ยนแปลงทางน้ำ หรือทำให้น้ำท่วมท้นหรือเหือดแห้ง หรือสร้างสิ่งกีดขวางทางน้ำ รวมทั้งควรที่จะอนุรักษ์ต้นน้ำลำธารที่ไหลผ่าน
-
ห้ามตั้งแคมป์พักแรมภายในถ้ำ
-
ห้ามเดินออกนอกเส้นทางที่กำหนด กรณีเป็นถ้ำที่ไม่มีการจัดการท่องเที่ยว ซึ่งไม่มีเส้นทางเดิน ให้หลีกเลี่ยงการเดินบนกลุ่มหินจำพวกน้ำตกหินปูนหรือม่านหินย้อย กรณีที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ให้ถอดรองเท้าออกก่อน และเดินเป็นแนวซ้ำทางเดียวกัน