อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี (Lam Nam Kra Buri)


สถานที่ติดต่อ : 130/1 หมู่ 3 ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดระนอง 85000
โทรศัพท์ : 0 7798 9817 
อีเมล : 
lumnamkraburiranong@gmail.com

Facebook : อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี - Lamnam Kra Buri National Park
หัวหน้าอุทยานแห่งชาติ : นายวิทยา บัวพล
ตำแหน่ง : นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ


หมายเหตุ : เมื่อชำระค่าบริการเข้าอุทยานแห่งชาติแล้ว กรุณาพกบัตรค่าบริการติดตัว
ขณะท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติเพื่อการตรวจสอบ



100,000.00 ไร่

จุดชมวิวเขาคอม้า

เส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน

น้ำตกปุญญบาล

บ่อน้ำร้อนหาดยาย


ทางเดินศึกษาธรรมชาติ ⇔ เที่ยวน้ำตก ⇔ ชมพรรณไม้ ⇔  ดูนก/ดูผีเสื้อ ⇔ อาบน้ำแร่/อบไอน้ำ ⇔ ตั้งแคมป์พักแรม


ไม่มีร้านค้าร้านอาหาร นักท่องเที่ยวควรจัดเตรียมไป


บริเวณที่ทำการอุทยานแห่งชาติ               AIS, TRUE-DTAC


ที่ทำการอุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี
หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ กบ.1 (หาดยาย)

หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ กบ.2 (เขาเมืองสูง)


1. สภาพพื้นที่ อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี มีพื้นที่โดยรวม 160 ตารางกิโลเมตร หรือ 100,000 ไร่ ประกอบด้วย 
            1.1 ลำน้ำกระบุรี เป็นแม่น้ำที่กั้นระหว่างประเทศไทยและประเทศสหภาพพม่า มีพื้นที่รวมในเขตอุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี 40 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่หรือประมาณ 40,000 ไร่ ซึ่งมีต้นกำเนิดจากเทือกเขาภูเก็ตไหลมาทางทิศตะวันตกผ่านอำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง และไหลผ่านไปทางทิศใต้ผ่านอำเภอละอุ่น ลงสู่ทะเลอันดามันที่ปากแม่น้ำกระบุรี อำเภอเมือง จังหวัดระนอง ซึ่งมีระยะทางประมาณ 60 กิโลเมตร ช่วงกว้างที่ประมาณ 6 กิโลเมตร 
            1.2 ป่าชายเลน ครอบคลุมริมฝั่งแม่น้ำกระบุรีและบริเวณหมู่เกาะในลำน้ำกระบุรี อันประกอบ ด้วย เกาะขวาง เกาะยาว เกาะปลิง เกาะโชน เกาะเสียด และเกาะนกเปล้า ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 15,000 ไร่ 
            1.3 ป่าดิบชื้น ครอบคลุมพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 3 แห่ง 
                  - ป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองลำเลียง - ละอุ่น 
                  - ป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองเส็ตกวด ป่าเขาหินช้างและป่าเขาสามแหลม 
                  - ป่าสงวนแห่งชาติป่าละอุ่นและราชกรูด 
ซึ่งอยู่ในท้องที่อำเภอกระบุรี อำเภอละอุ่น อำเภอเมือง จังหวัดระนองมีพื้นที่โดยรวม 45,000 ไร่ 

2. อาณาเขต 
            ทิศเหนือ จดอำเภอกระบุรี จังหวัดระนอง 
            ทิศใต้ จดอำเภอเมือง จังหวัดระนอง 
            ทิศตะวันออก จดอำเภอละอุ่น จังหวัดระนอง 
            ทิศตะวันตก จดประเทศสหภาพพม่า 


            ลักษณะอากาศทั่วไป เนื่องจากจังหวัดที่อยู่ทางภาคใต้ฝั่งตะวันตก ได้รับอิทธิพลจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้อย่างเต็มที่จึงมีฝนตกชุกหนาแน่นกว่าจังหวัดอื่นและตกเกือบทั่วไป ส่วนฤดูหนาวอากาศไม่หนาวจัด เพราะอยู่ไกลจากอิทธิพลของอากาศหนาวพอสมควรแต่บางครั้งอาจมีฝนตกได้ เนื่องจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดผ่านอ่าวไทยเอาฝนมาตกปริมาณน้อยกว่าจังหวัดที่อยู่ทางด้านตะวันออกของภาคใต้ 
            - อุณหภูมิ เนื่องจากเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่ในคาบสมุทรที่เป็นแหลมยื่นออกไปในทะเลจึงได้รับลมมรสุมอย่างเต็มที่คือ ลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้จากมหาสมุทรอินเดีย และลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือจากทะเลจีนใต้และอ่าวไทย ทำให้ได้รับไอน้ำและความชุ่มชื้นมากอุณหภูมิเฉลี่ยจึงสูงไม่มากนัก และอากาศไม่ร้อนจัดในฤดูร้อน อากาศจะอบอุ่นในช่วงฤดูฝน ส่วนในฤดูหนาวอากาศจะเย็นบ้างเป็นบางครั้ง อุณหภูมิเฉลี่ยต่อปีประมาณ 27.6 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงที่สุดเฉลี่ย 34.8 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย 22.5 องศาเซลเซียส เดือนเมษายนเป็นเดือนที่ร้อนที่สุด ที่ผ่านมาวัดอุณหภูมิสูงสุดได้ 39.6 องศาเซลเซียส เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2526 และวันที่ 19 เมษายน 2516 อุณหภูมิต่ำสุดวัดได้ 13.7 องศาเซลเซียส 
            - ความชื้นสัมพัทธ์ ความชื้นสัมพัทธ์กับมวลอากาศมีอิทธิพลกับลมมรสุมเป็นสำคัญ ตลอดทั้งปีของจังหวัดระนองจะมีความชื้นสัมพัทธ์อยู่ในเกณฑ์สูงเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมทั้งสองฤดูอย่างเต็มที่ ลมมรสุมนี้ก่อนจะพัดเข้าสู่บริเวณจังหวัดได้พัดผ่านทะเลและมหาสมุทรจึงได้พัดพาเอาไอน้ำและความชื้นมาด้วยทำให้บริเวณจังหวัดระนองมีความชุ่มชื้นและความชื้นสัมพัทธ์สูงเป็นเวลานาน ความชื้นสัมพัทธ์ตลอดทั้งปีปริมาณ 79.2% 

ฤดูกาลของจังหวัดระนองแบ่งตามลักษณะลมฟ้าอากาศของประเทศไทย แบ่งออกได้เป็นสามฤดู 
            - ฤดูร้อน เริ่มตั้งแต่กลางเดือนกุมภาพันธ์ถึงกลางเดือนพฤษภาคม ระยะนี้เป็นช่วงว่างมรสุม จะมีลมทิศตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุม ทำให้อากาศร้อนทั่วไป อากาศร้อนที่สุดในเดือนเมษายน 
แต่ไม่ร้อนมากนักเนื่องจากเป็นภูมิประเทศในคาบสมุทรอยู่ใกล้ทะเล กระแสลมและไอน้ำทำให้อากาศคลายความร้อนลงไปมาก 
            - ฤดูฝนเริ่มตั้งแต่กลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางเดือนตุลาคม จะมีลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมประเทศไทย และร่องความกดอากาศต่ำจะพัดผ่านประเทศไทยเป็นระยะๆ ทำให้ฝนตกมากตลอดฤดูฝนและเดือนสิงหาคมจะมีฝนตกมากที่สุดในรอบปี 
            - ฤดูหนาวเริ่มตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมถึงเดือนกุมภาพันธ์ ในระยะนี้จะมีลมมรสุมตะวันออก -เฉียงเหนือซึ่งเย็นและแห้งจากประเทศจีนพัดปกคลุมประเทศไทย ทำให้อุณหภูมิลดลงทั่วไปและมีอากาศหนาวเย็น แต่เนื่องจากจังหวัดระนองอยู่ใกล้ทะเลอุณหภูมิลดลงเล็กน้อยเป็นครั้งคราว อากาศไม่หนาวเย็นมากนัก และตามชายฝั่งจะมีฝนตกทั่วไปแต่มีปริมาณไม่มากนัก 


พันธุ์พืชที่พบเห็นบนนำตกปุญญบาลคือขุนไม้หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าพญาไม้ 

ลักษณะทางชีวภาพ 
            สภาพป่าและพืชพรรณ อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรีมีความหลากหลายทางด้านชนิดพันธุ์พืชสูง เนื่องจากตั้งอยู่ในเขตร้อนชื้น สภาพอากาศและสภาพภูมิประเทศที่เหมาะสมแตกต่างกัน ทำให้เกิดสภาพป่าตามปัจจัยแวดล้อม ซึ่งสามารถแบ่งออกได้ 3 ประเภทดังนี้ 
            ป่าดิบชื้น (Moist Evergreen Forest) จากปริมาณน้ำฝนที่มากกว่า 2,000 มิลลิเมตรต่อปี ช่วงฤดูฝนที่นานพอ ทำให้สังคมพืชที่ขึ้นมีความหนาแน่นมาก ชั้นเรือนยอดสูง อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรีมีป่าดิบชื้นที่สมบูรณ์พบตามภูเขาและเกาะซึ่งป่าชนิดนี้จะพบได้ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติคลองเส็ตกวดป่าเขาหินช้าง ป่าเขาสามแหลม และป่าสงวนแห่งชาติป่าละอุ่น - ป่าราชกรูด ในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรีซึ่งป่าดังกล่าวมีความสำคัญต่อระบบนิเวศ และการดำรงชีพของประชาชนที่อยู่บริเวณข้างเคียงเพราะเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญ 
            พรรณพืชที่สำรวจพบในพื้นที่ไม้เด่นจะอยู่ในวงศ์ยาง (DIPTERROCAPACEAE) เช่น ยางยูง (Dipterocapus grandiflorus) , ยางปาย (D. costatus) , กระบาก (Fnisopters costa) , ตะเตียนทราย (Hopes pieerei) , ตะเคียนสามพอน (Shores rogersiana) , หงอกค่าง(Parishia insigmis) , ตะโค (Daracontomelum mangiferum) พันธุ์ไม้ชนิดอื่นที่พบเห็นได้ในป่าดิบชื้น เช่น พันธุ์ไม้ในวงศ์มะพลับ (EBENNACEAE) , เช่น เนียน (Diospyros wallichii) วงศ์ EUPHORBIACEAE เช่น โพบาย (Sapium baccatum) , ดีหมี (Cleidion javanicum) วงศ์ SAPOTACEAE ขนุนนก (Palaguium obovatum) 
            ไม้พื้นล่างที่พบส่วนใหญ่จะเป็นพันธุ์ไม้ในวงศ์ขิง-ข่า (ZINGIBERACEAE) เช่น ปูด (Globba spp.) , กระทือ (Zingiber spp.) พันธุ์ไม้ตระกูล Boesenbergia ,เงาะป่า (Kaempfceria pulchra) เป็นต้น มักพบในช่วงฤดูฝน ซึ่งมีความชื้นในอากาศสูง และพันธุ์ไม้ในวงศ์หมาก (PALMEA) เช่น หวายใน ตระกูล Calamus, Korthalsia , เต่าร้าง (Garyota sp.) เป็นต้น 
            ป่าชายเลน (Mangrove forest) อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี เป็นอุทยานหนึ่งที่มีป่าชายเลนสมบูรณ์ ดินมีสภาพเป็นดินเลนลำน้ำกระบุรีเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมและทำให้ป่าชายเลนยังคงมีอยู่ได้ น้ำในลำน้ำเป็นน้ำกร่อย เพราะน้ำทะเลหนุน ซึ่งป่าชายเลนจะพบมากบริเวณปากแม่น้ำคลองละอุ่น ลำน้ำกระบุรีด้านข้างเขาหินช้างและหมู่เกาะซึ่งพันธุ์ไม้ที่พบได้แก่ พันธุ์ไม้ในวงศ์ เช่น โกงกางใบเล็ก (Zrhizophora apiculata), โกงกางใบใหญ่ (R. mucronata), ถั่วดำ (Briguiera pamviflora), โปรงแดง (Ceriops tagal) ซึ่งมักจะพบบริเวณด้านนอกของป่าที่ใกล้กับลำน้ำกระบุรีหรือคลอง และไม้ในสกุลพังกา (Brnguiera spp.), วงศ์ AVECENNIAEAE ได้แก่ไม้ในสกุล ไม้แสม (Avicennia spp.) สกุลตะบูน (Xylocarpus spp.) นอกจากนี้ไม้พื้นล่างที่พบเช่น เหงือกปลาหมอดอกม่วง (Acanthua ilicifolius) กระเพาะปลา (Finlaysonia maritima) เป้งทะเล (Phoenix paludosa) และจาก (Nypa sruticans) เป็นต้น 
            สังคมพืชทดแทน ในอดีตสภาพป่าบางส่วนมีการบุกรุกแผ้วถางเปลี่ยนสภาพเพื่อทำการเกษตรกรรมในรูปแบบต่างๆ ทำให้ปัจจุบันมีสภาพเป็นไร่ร้าง ดินเสื่อมสภาพ พันธุ์พืชที่พบมักเป็นหญ้าคา (Imperata cylindrica) เป็นส่วนใหญ่ บางที่จะพบผกากรอง (Lantana aslvifolia) ขึ้นแซมตามหญ้าคาด้วยในบริเวณรอยต่อระหว่างหญ้าคากับป่าดิบชื้น หรือบริเวณสังคมพืชทดแทนที่ถูกทิ้งเป็นเวลานาน ทำให้มีไม้เบิกนำเขาทดแทน จะพบในต้นและไม้พื้นล่างขึ้นห่างแทนที่หญ้าคา พันธุ์ไม้ที่มักพบ เช่น มังตาล (Schima wallichii) , ปอหู (Hibisscus macrophyllus) , ส้านใหญ่ (Dillinia obovata) , เปล้าน้อย (Croton delpyi) , สอม (Grypteronia paniculata) และค้อ (Livistona speciosa) เป็นต้น 

            สัตว์ป่า ประเทศไทยจัดได้ว่ามีความหลากหลายและอุดมไปด้วยสิ่งมีชีวิต โดยเฉพาะสัตว์ป่าเพราะตั้งอยู่ในแนวที่ติดต่อกับเขตภูมิศาสตร์ทั้งสามเขต โดยประเทศไทยตั้งอยู่ในภูมิศาสตร์อินโดจีน ซึ่งมีทุ่งหญ้าหรือป่าโปรงอยู่ทั่วไป ตามที่ราบหรือบริเวณที่สูงไม่มากนัก ดังนั้นสัตว์จากภูมิภาคนี้จึงมีความสำคัญกับทุ่งหญ้าและป่าโปรงพอสมควร ภูมิอากาศแบบมรสุมซึ่งมีความแตกต่างในแต่ละฤดูกาลมาก 
            อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี ถือได้ว่าเป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายของสัตว์ป่าเป็นอย่างมาก อันเนื่องมาจากถิ่นที่อยู่อาศัยที่มีความหลากหลายด้านประเภทสัตว์ป่า และเป็นแหล่งต้นน้ำ เป็นแหล่งอาหาร อีกทั้งพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรียังมีอาณาเขตติดต่อกับผืนป่า ผืนอื่นๆ ทำให้เหมาะแก่การอาศัยอยู่และหลบภัยจากสัตว์ต่างๆ 
การสำรวจสัตว์ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรียังไม่มีการสำรวจแบบละเอียด แต่ข้อมูลในปัจจุบันซึ่งมาจากหลายๆแห่ง มีความน่าเชื่อถือพอสมควรและจากการพบการปรากฏของสัตว์ป่าซึ่งแบ่งประเภทได้ดังนี้ 
            สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (Mammals) จากการสำรวจเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม จำนวนชนิดอยู่ในระดับที่หลากหลายหากเทียบกับจำนวนพื้นที่ดังนี้ 
                  - อันดับถิ่น (Manis Javanica) ซึ่งพบเห็นได้ง่าย เพราะอาศัยอยู่ในพื้นที่ป่าทุกประเภท 
                  - อันดับสัตว์กินแมลง ซึ่งได้แก่หนูชนิดต่างๆ ซึ่งข้อมูลทางด้านนี้ยังมีไม่เพียงพอ 
                  - อันดับบ่าง พบเห็นได้ทั่วไปตามป่าดิบชื้น 
                  - อับดับค้างคาว มีความหลากหลายเป็นอย่างมากตามป่าทุกประเภท 
                  - อันดับวานร ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรีจากการพบเห็นชนิดต่างๆ ของสัตว์ในอันดับนี้และข้อมูลในปัจจุบัน เช่น ลิงกัง (Macaca nemesteing) ซึ่งอาศัยตามป่าดิบชื้นทั่วไป แต่ไม่ง่ายนักที่พบตัวรวมตัวกันอยู่กันเป็นฝูง ลิงแสม (Macaca fascicularis)พบเห็นได้ง่ายตามป่าชายเลน และมีประชาชนค่อนข้างมาก ลิงเสน(Macaca aretodes ) พบเห็นได้ยาก ค่างแว่นถิ่นใต้ซึ่งพบเห็นได้ยาก ทั่วไปตามป่าดิบชื้นที่มีเรือนยอดของไม้สูง บางครั้งพบเห็นเป็นฝูง 10 - 15 ตัว 
                  - อันดับสัตว์ผู้ล่า (Canivor) จากการสอบถามและพบเห็นบ้างในบางครั้ง ทำให้ทราบว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอันดับนี้ มีบางชนิดที่หายากและข้อมูลที่พบเห็นไม่บ่อยนักในบางครั้งจะพบเห็นเฉพาะรอยตีนของสัตว์ เช่น หมีหมาหรือหมีคน(Ursus malayanus), นากใหญ่ขนเรียบ(Viverra zibetha), ชะมดเช็ด(Viverricula indica) , พังพอน(Herpestes sp.) เป็นต้น 
                  - อันดับสัตว์กีบคู่ เช่น หมูป่า (Cus scrofa) กระจงหนูหรือกระจงเล็ก(Tragulus jaramicus), กวางป่า(Cervus unicolor), เก้งหรือฟาน(Muntiacus muntiac), เก้งหม้อ(Muntiacus feac) ซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวนพบเห็นตามป่าดิบชื้นใกล้แหล่งน้ำซึ่งคนในท้องถิ่นเรียก กวางจุก โดยการพบเห็นเก้งหม้อ มีการพบเห็นบ่อยพอสมควรทั้งจากคนในท้องถิ่นจากแนวเขตพื้นที่และจากเจ้าหน้าที่ที่ออกตรวจปราบปราม.เลียงผา. หรือ โครำ อีกชนิดหนึ่งที่เป็นสัตว์ป่าสงวน ซึ่งบางครั้งพบว่าเลียงผามีการเข้ามาจากฝั่งประเทศสหภาพพม่า 
                  - อันดับฟันแทะ เช่น พญากระรอกดำ(Ratufa bicolor) กระรอกปลายหางดำ กระรอกท้องแดง 
นก ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี และในสภาพที่ที่เป็นป่าไม้ ลำห้วย คลอง พื้นที่โล่ง ลำน้ำและป่าชายเลน ซึ่งมีความหลากหลายของถิ่นที่อยู่ ดังนั้นจึงพบเห็นนกชนิดต่าง ๆเข้ามา พื้นที่ทั้งที่อยู่ประจำถิ่น ซึ่งมีไม่ต่ำกว่า 106 ชนิด (ตามตารางที่ 2) และสิ่งที่หน้าแปลกคือ มีการพบ นกเงือกกรามช้าง ประชากรทั้งหมด 18 ตัว บินเข้ามาในประเทศสหภาพพม่า เข้ามาหากินในพื้นที่อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรีและบินกลับในตอนเย็น


            ถนนทางเข้าที่ทำการอุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี เป็นทางแยกจากทางหลวงหมายเลข 4 บริเวณกิโลเมตรที่ 595 เข้าไปอีก 1 กิโลเมตร ซึ่งห่างจากตัวอำเภอเมือง จังหวัดระนอง 18 กิโลเมตร 
            พื้นที่อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี มีอาณาเขตด้านทิศตะวันออกติดกับถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4 ) เป็นระยะทาง 1 กิโลเมตร ทำให้สามารถเดินทางเข้าถึงพื้นที่ได้สะดวก ส่วนทางทิศใต้ได้ยึดเอาทางหลวงจังหวัดจากตัวเมืองระนองไปปากคลองด่านแม่น้ำระนอง โดยผ่านสุสานเจ้าเมืองระนอง ดังนั้น ความสะดวกในเรื่องการคมนาคมจึงมีศักยภาพสูง ส่วนทางสัญจรในลำน้ำกระบุรี สามารถเดินทางโดยเรือทุกขนาดได้ตลอดทั้งปีและฤดูกาล



ผังบริเวณอุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี

 

ที่พัก - กระบุรี 201 (พญาไม้ 01)
         - กระบุรี 202 (พญาไม้ 02)
         - กระบุรี 203 (พญาไม้ 03)
         - กระบุรี 204 (พญาไม้ 04)

         - กระบุรี 205 (พญาไม้ 05)

** หมายเหตุ  :  เมื่อนักท่องเที่ยวจองบ้านพักมาเรียบร้อยแล้ว ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อขอรับกุญแจบ้านพักก่อนที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว