ประเทศไทยกับไซเตส

ประเทศไทยเป็น 1 ใน 21 ประเทศ ที่ร่วมลงนามรับรองอนุสัญญาไซเตส เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2516 (ค.ศ. 1973) ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งในเวลาต่อมาประเทศไทยได้ให้สัตยาบันเข้าร่วมเป็นภาคีสมาชิกในวันที่ 21 มกราคม 2526 และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน 2526 เป็นลำดับที่ 77
 
ประเทศไทยมีพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 และพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 ที่ใช้บังคับอยู่ก่อนแล้ว
 
อย่างไรก็ตาม บทบัญญัติแห่งกฎหมายทั้งสองมิได้ครอบคลุมตามที่อนุสัญญาไซเตสกำหนด ดังเช่นพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 ซึ่งใช้บังคับในการสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่าชนิดที่มีอยู่ในประเทศไทยเป็นหลัก มิได้ครอบคลุมไปถึงสัตว์ป่าที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในต่างประเทศ ซึ่งถูกนำเข้ามาในประเทศไทยเพื่อการค้า และมิได้มีมาตราการควบคุมการค้าสัตว์ป่าระหว่างประเทศอันเป็นมาตรการหลักของอนุสัญญาไซเตส กล่าวคือ ไม่มีการควบคุมการนำเข้า ส่งออก ชนิดพันธุ์สัตว์ป่าตามบัญชีไซเตส ทั้งยังปล่อยปละละเลยให้มีการลักลอบนำเข้าชนิดพันธุ์สัตว์ป่าในบัญชี 1 มาวางจำหน่ายอย่างเปิดเผยในท้องตลาดทั่วประเทศ ประกอบกับการปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติเพื่อตอบสนองต่อบทบัญญัติแห่งอนุสัญญาดำเนินไปอย่างล่าช้า รวมถึงเหตุผลทางเมือง
 
ด้วยเหตุเหล่านี้ จึงทำให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร (Standing Committee) มี มติค่ำบาตรทางการค้า (ฺTrade ban) ต่อประเทศไทย มีผลตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2534 ตามประกาศเวียนถึงภาคีสมาชิก ฉบับที่ 636 ลงวันที่ 22 เมษายน 2534 (Notification to the Parties No. 636 of 22 April 1991)
 
ต่อมา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ทำหน้าที่รัฐสภา จึงได้ตราพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ขึ้น มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2535 ซึ่งมีมาตรา 23 และ 24 ระบุถึงวิธีการควบคุมการค้าสัตว์ป่าระหว่างประเทศตามอนุสัญญาไซเตส และตราพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2535 (ฉบับที่ 2) แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 จนเป็นผลให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร มี มติยกเลิกการคว่ำบาตรทางการค้าต่อประเทศไทย มีผลตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน 2535 เป็นต้นมา ตามประกาศเวียนถึงภาคีสมาชิก ฉบับที่ 673 ลงวันที่ 2 เมษายน 2535 (Notification to the Parties No. 673 of 2 April 1992)
 
ปัจจุบันมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับอนุสัญญาไซเตส จำนวน 3 หน่วยงาน ดังนี้
   
กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า
และพันธุ์พืช

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
รับผิดชอบด้านสัตว์ป่า
  กรมประมง
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
รับผิดชอบด้านสัตว์น้ำ
  กรมวิชาการเกษตร
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
รับผิดชอบด้านพืชป่า
 
การดำเนินงานตามพันธกรณีแห่งอนุสัญญาของประเทศไทยในปัจจุบัน นอกจากจะใช้กฎหมาย 2 ฉบับ ดังกล่าว เป็นกฎหมายหลักแล้ว ยังอาศัยกฎหมายอื่นๆ เช่น พระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 และพระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. 2522 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้อนุสัญญาไซเตสให้ดียิ่งขึ้น
 
นอกจากนี้ ประเทศไทยโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ แต่งตั้งคณะกรรมการอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ประจำประเทศไทย ขึ้น เพื่อกำกับ ควบคุม ติดตาม และสนับสนุนการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของอนุสัญญาไซเตสอีกด้วย