ภูหลวง

เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง
(Phu Luang Wildlife Sanctuary
)

 

อ้างอิง : หนังสือข้อมูลเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าในประเทศไทย (2560)  

 

ความเป็นมา

เนื่องด้วยพื้นที่ป่าภูหลวงเป็นเทือกเขาสูง มีป่าหลายชนิด ยังไม่เคยผ่านการทำไม้หรือถูกบุกรุกแผ้วถางมาก่อน นอกจากนี้ยังมีที่ราบเป็นทุ่งหญ้ามีสัตว์ป่าอาศัยชุกชุม มีแหล่งน้ำแหล่งอาหารของสัตว์ป่าอย่างอุดมสมบูรณ์ ประกอบกับเป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่ควรสงวนไว้เพื่อให้มีน้ำไหลหล่อเลี้ยงล้ำห้วยลำธารตลอดปีเพื่อรักษาความชุ่มชื้นให้แก่ท้องที่ใกล้เคียง และช่วยบรรเทาอุทกภัยอีกทางหนึ่งด้วย ดังนั้น เพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าโดยปลอดภัย จึงได้ประกาศจัดตั้งเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2517 >>คลิก<< มีเนื้อที่ประมาณ 530,000 ไร่ แต่ในปี 2528 >>คลิก<< ได้มีการออกพระราชกฤษฎีกาเพิกถอนพื้นที่จำนวน 5 ไร่ ต่อมาในปี 2534 >>คลิก<< ได้มีพระราชกฤษฎีกายกเลิกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง แล้วประกาศใหม่ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2534  เนื่องจากส่วนราชการต่าง ๆ ขอใช้พื้นที่ ดังนี้ (1) พื้นที่บางส่วนในตำบลปลาบ่า อำเภอภูเรือจังหวัดเลย เนื้อที่ประมาณ 35 ไร่ 2 งาน สำนักงานคณะกรรมการประถมศึกษาแห่งชาติขอใช้พื้นที่เพื่อจัดสร้างโรงเรียนบ้านบงและโรงเรียนบ้านท่อน(2) กรมวิชาการเกษตรขอใช้พื้นที่เพื่อจัดตั้งสถานีทดลองเกษตรที่สูง จังหวัดเลยเนื้อที่ประมาณ 1,884 ไร่ (3) พื้นที่บงส่วนในตำบลอีปุ่ม อำเภอด่านซ้าย และตำบลเลยวังไสย์ กิ่งอำเภอฎหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย เนื้อที่ประมาณ5,162 ไร่ 2 งาน เป็นป่าเสื่อมโทรมซึ่งเป็นที่ตั้งของซุมชนขนาดใหญ่ และ(4) เนื้อที่ประมาณ 150 ไร่ กรมทางหลวงขอใช้เพื่อก่อสร้างทางหลวงจังหวัดหมายเลข 2016 สายวังสะพุง บรรจบ ทางหลวงจังหวัดหมายเลข 2216(ตาดกลอย) จึงกันพื้นที่ดังกล่วทั้งหมดรวม 7,232 ไร่ ออกจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า นอกจากนี้พื้นที่บางส่วนในตำบลภูหอ กิ่งอำเภอฎหลวง อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย ซึ่งมีอาณาเขตติดต่อกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฎภูหลวงมีสภาพป่าอุดมสมบูรณ์และมีสัตว์ป่าซุกชุม จึงขยายพื้นที่เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าออกไปให้ครอบคลุมพื้นที่ดังกล่าว ประกอบกับได้มีการเปลี่ยนแปลงซื่อท้องที่เขตอำเภอและตำบลในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าฎหลวง ตามที่ระบุไว้ในพระราชกฤษฎีกา ปี 2527 จึงแก้ไขซื่อและเขตท้องที่ให้ถูกต้องเสียในคราวเดียวกัน

ภูมิประเทศ

ลักษณะภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสูงชัน มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 400 -1,571 เมตร เทือกเขาด้านตะวันออกมีที่ราบหลังเขา (หลังแป) เนื้อที่ประมาณ 62,500 ไร่ ส่วนด้านตะวันตกเป็นภูเขาสูงซันสลับซับซ้อนเป็นลูกคลื่นภูเขาทางทิศตะวันออกเป็นหน้าผาสูงชันลาดลงสู่ทิศตะวันตก เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำเลยและแม่น้ำปาสัก ซึ่งแม่น้ำเลยจะไหลผ่านกลางพื้นที่จากทิศเหนือลงสู่ทิศใต้แล้วไหลย้อนุผ่านอำเภอวังสะพุง ไปสู่แม่น้ำโขงในเขตอำเภอเชียงคานส่วนแม่น้ำป่าสักเกิดขึ้นจากลำธารหลาย ๆ ทางด้านทิศตะวันตกระบายน้ำลงสู่ด้านจังหวัดเพชรบูรณ์ ภูมิอากาศ ลักษณะภูมิอากาศเป็นแบบเขตกึ่งร้อน และเนื่องจากสภาพพื้นที่เป็นภูเขาและที่ราบสูง จึงมีอากาศหนาวเย็นกว่าพื้นที่อื่น ๆ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือโดยมีฤดูร้อนเริ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายน อุณหภูมิเฉลี่ย 24 องศาเซลเชียส ฤดูฝนเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม ส่วนฤดูหนาวจะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคม โดยจะมีอกาศหนาวจัดในช่วงปลายเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนมกราคม อุณหภูมิเฉลี่ย 4-6 องศาเซลเซียสธรณีวิทยามีโครงสร้างทางธรณีวิทยาเซ่นเดียวกับที่ราบสูงโดยทั่วไป มีลักษณะของชั้นที่วางตัวแบบกระทะหงาย (Syncine) ในแนวเหนือ-ใต้ มีรอยเลื่อน (Fault) เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกหลายแห่ง ลักษณะทางธรณีวิทยา ประกอบไปด้วยหินอัคนีและตะกอน จัดอยู่ในกลุ่มหินโคราช ประกอบด้วย หมวดหินห้วยหินลาด หมวดหินน้ำพอง หม้วดหินภูกระดึง หมวดหินพระวิหาร หมวดหินเสาขัว หมวดหินภูพาน หมวดหินโคกกรวด

ความหลากชนิดของสัตว์ป่า

  • ความหลากชนิด สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 90 ชนิด นก 292 ชนิด สัตว์เลื้อยคลาน 100 ชนิด สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก 43 ชนิด
  • ใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง (CR) 1 ชนิด ได้แก่ วัวแดง
  • ใกลัสูญพันธุ์ (EN) 5 ชนิด ได้แก่ นากใหญ่ธรรมดา เพียงพอนเส้นหลังขาว เสือโคร่ง ชะมดแปลงลายจุด และชะมดแผงสันหางดำ
  • มีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์ (NU) 14 ชนิด ได้แก่ หนูผีป่าหางจู๋ กระทิง หมาจิ้งจอก หมาใน หมีหมา ชะนีธรรมดา กระรอกบินเล็กขาวสูง ค้างคาวยอดกล้วยปีกใส เพียงพอนเหลือง เสือลายเมฆ เสือดาว ค่างแว่นถิ่นเหนือ เสือไฟ และหมีควาย

ชนิดป่าไม้

ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ ป่าไผ่ ป่าดิบเขา ป่าเต็งรัง-ไม้สน ป่าไม้ก่อ-ไม้สน ทุ่งหญ้า

 

แผนผังที่ตั้ง