สวนพฤกษศาสตร์ชายแดนภาคใต้
|
 |
|
นายไพบูลย์ เพชรแก้ว
นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ
หัวหน้าสวนพฤกษศาสตร์ชายแดนภาคใต้
โทรศัพท์ 08 1969 0190
|
|
|
สำนักงานที่ตั้ง : ตำบลกะลุวอ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส
พิกัด : 47N 704354, 817062
พื้นที่รับผิดชอบ : ประมาณ 1,250 ไร่ |
|
อำนาจหน้าที่
สวนพฤกษศาสตร์ชายแดนภาคใต้ จ.นราธิวาส เป็นหน่วยงานในสังกัดกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช มีหน้าที่รับผิดชอบ
ในการดำเนินงานบริหารจัดการสวนพฤกษศาสตร์ สำรวจและรวบรวมพันธุ์ไม้ประจำถิ่นมาปลูกไว้ในสวน จัดทำเป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติ
ศึกษาด้านพฤกษศาสตร์ เพื่อให้บริการทางวิชาการ และถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า
ตลอดจนสนับสนุนภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากหน่วยงานต้นสังกัด
|
|
 |
|
ประวัติความเป็นมา
สวนพฤกษศาสตร์ชายแดนภาคใต้ฯ จ.นราธิวาส เป็นหน่วยงานภาคสนามของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
สังกัดสำนักวิจัยการอนุรักษ์ป่าไม้และพันธุ์พืช ตั้งอยู่ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีภารกิจด้านการสำรวจ รวบรวมพันธุ์ไม้
บำรุงรักษาพรรณไม้ และจัดทำเป็นแหล่งเรียนรู้ตามธรรมชาติ เพื่อให้บริการความรู้ด้านวิชาการป่าไม้ ให้แก่ สถาบันการศึกษา และหน่วยงานราชการ
ตลอดจนสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
พระราชเสาวนีย์
สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถได้มีพระราชเสาวนีย์กับ ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี อธิบดีกรมป่าไม้ และต่อมากับ นายพลากร สุวรรณรัฐ
รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2542 ณ พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์
ว่ามีพระราชประสงค์ที่จะให้จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีสวนพฤกษศาสตร์สำหรับรวบรวมพันธุ์ไม้ประจำถิ่น เพื่อการศึกษา การนันทนาการ และการท่องเที่ยว
ของประชาชนดังเช่นที่จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2542 ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และจังหวัดนราธิวาส
ได้ขอพระราชทานพระบรมราชวินิจฉัยเกี่ยวกับสถานที่จัดสร้างสวนพฤกษศาสตร์ ซึ่งในเบื้องต้นเห็นว่าควรจัดสร้าง ณ บริเวณป่าเขาตันหยง และบริเวณป่าเขาสำนัก
ท้องที่อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส ในวโรกาสนี้ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีพระราชเสาวนีย์ว่า สถานที่ที่ได้ขอพระราชทาน
พระบรมราชวินิจฉัยน่าจะเป็นสถานที่เหมาะสม เพราะอยู่ไม่ไกลจากชุมชนเมืองนราธิวาส มีพันธุ์ไม้ขึ้นอยู่อย่างสมบูรณ์ รวมทั้งอยู่ใกล้เส้นทางคมนาคมสายหลัก
จึงเป็นการสะดวกต่อผู้ที่สนใจ และนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศที่จะมาเยี่ยมชม อย่างไรก็ตามทรงรับสั่งว่า
อย่าทำให้ราษฎรที่อยู่ในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน และหากจะมีความจำเป็นต้องใช้ที่ดินที่ราษฎรครอบครองอยู่ ควรจะจ่ายค่าชดเชยด้วยความเป็นธรรม
และเป็นที่พอใจแก่ทุกฝ่าย รวมทั้งไม่ควรก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างมากเกินไป หรือขัดกับสภาพแวดล้อม
|
|
 |
|
วัตถุประสงค์ในการจัดตั้ง
1. เพื่อเป็นศูนย์รวบรวมพันธุ์ไม้ประจำถิ่นภาคใต้ของประเทศไทยและบริเวณคาบสมุทรมลายูทั้งพรรณไม้บกและไม้น้ำ
2. เพื่อเป็นศูนย์อนุรักษ์พันธุกรรมพรรณพืชป่าดิบชื้น โดยเฉพาะพรรณพืชประจำถิ่นของภาคใต้
3. เพื่อเป็นสถานศึกษา วิจัย และพัฒนาการฝึกอบรมบุคลากรด้านพฤกษศาสตร์ รวมถึงการสนับสนุนการคุ้มครองพรรณพืชในป่าระดับภูมิภาค
4. เพื่อเป็นสถานที่เผยแพร่ความรู้ด้านธรรมชาติวิทยา โดยเฉพาะการศึกษาหาความรู้ด้านพฤกษศาสตร์แก่นักเรียน นักศึกษา เยาวชน และบุคคลทั่วไป
5. เพื่อเป็นแหล่งพักผ่อนหาความรื่นรมย์ทางธรรมชาติของชาวไทย และชาวต่างประเทศ
6. เพื่อเป็นการสร้างงานและเสริมรายได้ของราษฎรในพื้นที่จากการจำหน่ายของที่ระลึกและบริการเยี่ยมชมพื้นที่ที่ไม่ทำลายธรรมชาติ
|
|
 |
|
|
|
|